วัฏจักร
- Lucky Foryou
- May 27, 2019
- 2 min read

วัฏจักร แค่หัวข้อผมเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้มันออกมาเป็นบทความสั้นๆที่ได้ใจความที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร เพราะสิ่งนี้คือเหตุผลในการเกิดและดับของทุกสรรพสิ่ง . . . แต่ในเมื่อทุกสิ่งเป็นความจริง ก็แค่พิมพ์มันออกมาตามความเป็นจริง . . .
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์อธิบายได้คือความ #งมงาย . . . ถ้าอย่างนั้นคุณลองเอาเหรียญบาท โยนมันลงไปบนพื้นให้ได้ผลลัพย์ตามที่คุณอยากให้มันเกิดสักครั้ง แน่นอนว่ามันอาจจะถูกบ้าง หรืออาจไม่ถูกเลย เพราะมันคือการสุ่มการเกิดย่อมควบคุมไม่ได้ !!! ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้หลักการวิทยาศาสตร์ใดๆมาอธิบายในการเกิดได้เลย แล้วแบบนี้ก็ต้องเรียกสิ่งนี้ว่าคือเรื่องงมงายใช่หรือไม่ ? . . . หรือถ้าคุณควบคุมมันได้ ถือว่าคุณเป็นคนเก่งมาก แต่คุณอยากเก่งมากขึ้นมั๊ยล่ะ คุณลองทำมันทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที และทำมันให้ถูกทุกครั้งมานับล้านๆปีดูสิ . . . คุณจะยังทำมันได้มั๊ย ?
การเกิดของสิ่งมีชีวิตมากมายที่หลากหลายแตกต่างกันไปนั้น มีการเกิดขึ้นทุกเสี้ยววินาที โดยที่เราไม่เคยเห็นหน้าตาคนสร้างมาก่อนเลยว่าเป็นใคร ? อย่าเพิ่งตอบว่าก็เกิดจากพ่อและแม่นะครับ เพราะผมจะถามต่อไปว่า แล้วใครสร้างพ่อและแม่ จนเกิดการสืบพันธุ์กัน เกิดการปฏิสนธิกำเนิดชีวิตใหม่ที่มีรูปร่าง อวัยวะ ทั้ง 32 ทำงานแบบอัตโนมัติได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสืบทอดมายาวนานมานับล้านๆปี . . .
วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายสิ่งนี้ได้ใกล้เคียงที่สุดก็คือการระเบิดบิ๊กแบงครั้งแรก และเกิดเป็นดาวเคราะห์น้อยใหญ่ทั่วทั้งจักรวาล มั่วๆไปว่าฝุ่นผงมากมาย มามะรุมมะตุ้มปะติดปะต่อได้เองโดยบังเอิญแล้วค่อยอธิบายจากผลลัพย์ที่ได้แบบถูๆไถๆ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าดวงดาวกลมๆที่ลอยในอวกาศที่ไร้แรงเสียดทานหรือปัจจัยใดในการทำให้เกิดการปรับแต่งพื้นผิวจนเกิดรูปทรงกลมๆมากมายราวกับมีคนปั้นขึ้นแล้วเอามาวางไว้ นับล้านๆลูกทั่วทั้งเอกภพ . . . อีกทั้งการเกิดสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ และมีกันเป็นคู่พอดิบพอดี มันเกิดจากอะไร ? หากคิดว่าการระเบิดครั้งนั้นแล้วบังเอิญมีสิ่งมีชีวิตกระเด็นออกมา แถมมีสมอง หู ตา จมูก ปาก กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผิวหนัง ขน เล็บ เส้นผม แถมมาด้วย และวิวัฒน์ตัวเองขึ้นมาจากในน้ำ มีแขนขาค่อยๆงอก คลานขึ้นจากน้ำ แล้วไปอยู่ในถ้ำได้เสียกันโดยบังเอิญมาเรื่อยๆ นั้นมันคือเรื่องที่เป็นไปได้จากการระเบิดครั้งแรกนั้น . . . ก็กลับไปโยนเหรียญให้ได้ผลลัพย์ตามที่ตั้งใจดูอีกครั้ง . . .
ดังนั้น ถ้าการสุ่มมันควบคุมผลลัพย์ไม้ได้ อุปมาก็คือความบังเอิญ มันไม่สามารถสร้างผลลัพย์ที่สมบูรณ์แบบและสืบต่อกันมานับล้านๆปีได้ . . . ก็ขอสรุปให้เข้าใจคือ ทุกสรรพสิ่งมีเหตุในการเกิด และถูกสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจด้วยฝีมือของพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ* จึงไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบในความตั้งใจที่สมบูรณ์แบบเหล่านี้ . . . ถ้ามนุษย์ผู้นั้นยังไม่สามารถจัดการเหรียญในมือเล็กๆที่มีผลลัพย์ง่ายๆในการเกิดเพียงแค่ 2 รูปแบบได้
*** ทุกสรรพสิ่งเกิดจากการสร้าง และผู้สร้างก็มีเหตุผลในการสร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งผมเองจะรวบรวมและสรุปสั้นๆเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาได้ง่ายขึ้นดังนี้ . . .
การเกิดวัฏจักรเริ่มอุบัติขึ้นโดยฉับพลันจากจุดศูนย์กลางเล็กๆ ที่สั่นสะเทือนอย่างมีรูปแบบกระจายออกไปโดยรอบ เกิดดาวเคราะห์น้อยใหญ่เป็นจักรวาล เป็นระบบสุริยะ เป็นแกแลคซี่ รวมกันเป็นเอกภพที่มีขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด . . . เมื่อโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนแล้ว ผู้สร้างก็สร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆนานาขึ้นมามากมาย ที่มีความสัมพัทธ์กันในทุกมิติ พูดง่ายๆก็คือ มีเป็นคู่กัน* เพื่อให้เกิดความ #สมดุล และเกิดความ #สัมพัทธ์กันของทุกสรรพสิ่งนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ชาย-หญิง กลางวัน-กลางคืน ร้อน-เย็น บวก-ลบ หรือแม้แต่ ความดี-ความชั่ว ล้วนแล้วเป็นสิ่งสัมพัทธ์กันเพื่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จนปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นการสั่นสะเทือน เพื่อผลลัพย์เป็นพลังงานรูปแบบต่างๆ

ดังนั้นจึงขอสรุปกระบวนการที่กล่าวมาทั้งหมดด้วยคำนิยามสั้นๆว่า " การมีชีวิต " เป็นหน้าที่ของธรรมชาติผู้สร้าง ส่วน "การใช้ชีวิต" เป็นหน้าที่ของเราท่านทั้งหลาย . . . พูดง่ายๆคือ แม้ธรรมชาติจะเป็นผู้สรรสร้างที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ไม่สามารถบังคับให้เกิดผลลัพย์เป็นพลังงานได้เอง แต่การสร้าง #พลังงานสั่นสะเทือนเพื่อหมุนเหวี่ยงให้เกิดวัฏจักรและการคงอยู่ของเอกภพ . . . เป็นหน้าที่ของเรานั่นเอง
#พลังงานในการคงอยู่ของทุกสรรพสิ่งที่ว่านั้นก็คือ “ พลังงานของสิ่งมีชีวิต ” เพราะเงื่อนไขของจุดกำเนิดที่จุดศูนย์กลางโลกที่เป็นของเหลวมีลักษณะพิเศษที่สามารถทำปฏิกริยากับพลังงานบางอย่าง ทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น (Fusion) คือระเบิดแตกตัวออกไปโดยรอบ เหมือนการเกิด Flower of life ผลลัพย์ที่ได้ก็คืออ๊อกซิเจนสำหรับสิ่งมีชีวิต และ แรงดันใต้เปลือกทำให้พื้นผิวที่เป็นของแข็งคงสภาวะทรงกลมของดวงดาวได้ และผลลัพย์ที่สำคัญสุดท้ายก็คือ การระเบิดนี้ทำให้เกิดการเหวี่ยงหมุนให้โลกเกิดการหมุนรอบตัวเอง . . .
แน่นอนว่าการระเบิดของก้อนธาตุศูนย์กลางโลกนั้นต้องถูกทำปฏิกริยากับพลังงานที่เป็นความถี่ที่มีลักษณะการสั่นสะเทือนพิเศษ นั่นก็คือ #พลังงานความรักและความเมตตา ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต และพลังงานพิเศษรูปแบบนี้ถูกสร้างให้มีความเข้มข้นขึ้นจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ !!!
พลังงาน ความรักอันบริสุทธิ์ และ ความเมตตาโดยไม่มีประมาณ คือพลังงานที่หมุนเหวี่ยงโลก จนเกิดวัฏจักรยิ่งใหญ่กลายเป็นเอกภพเลยหรือนี่ . . . ???
ก่อนจะเชื่อในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ว่ามีอยู่จริง เราจึงต้องมาทำความรู้จักกับพลังงานให้ลึกซึ้งกันอีกสักนิด เพราะมันสำคัญต่อความเชื่อ ที่จะถูกพัฒนาต่อในขั้นถัดไปที่เรียกว่า ศรัทธา และการสิ้นสงสัยตั่งมั่นอย่างแท้จริง . . . ซึ่งผมขอยก #ทฤษฏีแส้ม้า หรือ Whip cracking ขึ้นมาให้ท่านพิจารณาเพื่อให้เห็นเป็นไปตามจริงดังนี้
Whip Whip !! เสียงนี้ถูกส่งข้ามมาจากโลกคู่ขนานเพื่อปลุกเหล่ามนุษย์ที่หลับไหลให้ตื่นรู้ แต่ไม่มีใครถ่อมใจลงเพื่อพิจารณามันเลย . . . T_T
ค่ำคืนหนึ่งผมนั่งดูคลิปหนึ่งจากเสียงที่ออกมาจากภายใน ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้า จนเผลอหลับไป โดยหวังว่ามันคงมีเหตุผลในการเกิดของความสงสัยนี้ . . . ภาพของผู้เชี่ยวชาญในการใช้แส้ตีม้า (คลิปที่แนบให้ด้านล่าง) ได้โชว์ทักษะในการเหวี่ยงแส้จนเกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า มันทำให้ผมสงสัยว่า เสียงดังราวกับฟ้าผ่านั้น มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? . . . . . . และคำตอบที่ได้กลับยิ่งทำให้เกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น เพราะเสียงที่เกิดนั้น ไม่ได้เกิดจากการตกกระทบของเชือกต่อวัตถุใดเลย หากแต่เป็นเพียงการ ระเบิดระดับโซนิคบูมจนเกิดเสียงราวกับฟ้าผ่า ที่ปลายทางของเชือกเส้นเล็กๆ !!!
พลังงานระเบิดระดับโซนิคบูม มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? จากเชือกแค่ไม่กี่เมตร ไม่ได้มีเครื่องยนต์ ไม่ได้ใช้เวลาเร่งยาวนาน และเกิดจากการสะบัดเชือกแค่ครั้งเดียว แต่ผลลัพย์สามารถตัดโลหะให้ขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย ช่างทรงพลังยิ่งนัก
แล้วความลับที่ถูกซ่อนอยู่ก็ได้ถูกเปิดเผยจากเสียงภายใน . . . “ #ความสัมพัทธ์ ยังไงล่ะ ” !! คือการทำปฏิกริยาของสิ่งที่อยู่ *** ตรงข้าม *** กันนั่นเอง การเหวี่ยงแขนแค่ขึ้น และ ลงครั้งเดียวนั่นคือคำตอบของการเกิดพลังงานในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งผลลัพย์ที่ได้ก็มีแตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขต่างๆ . . . ลองพิสูจน์ด้วยการตบหน้าตัวเองให้ได้ โดยไม่ได้อยู่ภายใต้กฏของความสัมพัทธ์นี้ดูสิ ไม่มีการเคลื่อนไหวจากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง ขึ้นหรือลง และ ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ไม่มีผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ !!! จะเห็นได้ว่าการทำให้เกิดพลังงานนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย แม้เป็นเพียงการสัมผัสผิวหน้าเบาๆ ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ หรือ เรียกได้ว่า ไม่มีอยู่จริงเลยนั่นเอง . . . ( และสิ่งนี้เป็นคำตอบของธรรมสูงสุดคือนิพพาน ดินแดนสุญญตา มันมีเหตุในการเกิดเชิงอุปมาอย่างไร ในวาระต่อไป )

การเกิดพลังงานสั่นสะเทือน มันเกิดจากการกระทำปฏิสัมพันธ์ต่อกันของสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันนั่นเอง !!!
. . . บวก-ลบ ,ชาย-หญิง, หยิน-หยาง , ร้อน-เย็น , กลางวัน-กลางคืน , ผู้รับ-ผู้ให้ ความเกลียดชัง-ความรักบริสุทธิ์ , อาฆาติ-อภัยทาน โดยทั้งหมดนี้เรียกว่าสิ่งที่สัมพัทธ์กัน จึงเป็นเหตุผลที่ธรรมชาติต้องสร้างทุกสรรพสิ่งให้เป็นของคู่กันเสมอ เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเงื่อนไขเพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมาหมุนเหวี่ยงให้เกิดการคงอยู่เป็นวัฏจักรของเอกภพนั่นเอง
#ตามหาแรงสั่นสะเทือนที่ยิ่งใหญ่ เมื่อรู้เหตุแห่งการเกิดว่าเป็นไปเพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนในการคงอยู่ของวัฏจักร . . . แล้วแรงสั่นสะเทือนใดเล่า คือความถี่ที่มีพลังงานมากที่สุดในเอกภพ !!!
- มีคนหนึ่งเคยกล่าวว่า หากมีคนตบหน้าของคุณทางซ้าย ให้หันหน้าทางขวาให้เค้าตบ ถึงแม้ผู้คนเหล่านั้นปรารถนาที่จะพรากชีวิตไปจากเค้าด้วย แต่แทนที่จะเกิดความอาฆาติแค้นต่อพวกชนเหล่านั้น แต่เขากลับแสดงความรู้สึกตรงกันข้ามเป็นความรักขึ้นมาแทนที่ เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ยิ่งใหญ่ของ ความเกลียดชังต่อความรักอันบริสุทธิ์ ที่รู้จักกันในนามของพระเยซู และศาสนาคริสต์
- มีอีกคนหนึ่งได้เกิดเป็นราชาอยู่ในพระราชวังที่รายล้อมด้วยความสุขอันหาที่สุดไม่ได้ แต่ด้วยเหตุให้พบเจอกับเทวฑูตทั้งสี่ นั่นคือเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนพระองค์เกิดความรู้สึกว่าการเกิดนั้นเป็นทุกข์ และต้องการหาทางออกจากทุกข์ ทรงละจากสุขเพื่อตามหาทุกข์ จนเกิดดวงตาเห็นธรรมว่า #การเกิดนั่นเองคือทุกข์ . . . ทรงแสวงหาทางหลุดพ้นด้วยการใช้กายนี้เป็นประโยชน์ในการหาคำตอบจึงพบกับความจริงที่เป็น #สัจธรรม ว่า ทุกสรรพสิ่งนั้นไม่เที่ยง จึงไม่ควรยึด ควรเพียรละ และนั่นคือคำตอบในการออกจากทุกข์จนเกิดเป็น สัจธรรมที่แท้จริงว่า ความสุขที่แท้จริงนั่นคือการหลุดพ้น เป็น อิสระจากแรงเหวี่ยงที่ยึดเหนี่ยวรั้งทุกสรรพสิ่งไว้ให้ยังมีการเกิด ให้ต้องพบเจอกับทุกข์นั่นเอง ***

. . . และนั่นคือการอุบัติขึ้นของ มหาบุรุษ ที่ชื่อว่า #พระพุทธเจ้า มหาบุรุษผู้สามารถดับทุกข์ได้ด้วยปัญญา และปรารถนาที่จะนำพาเหล่าสรรพสัตว์ออกจากทุกข์ด้วยพระธรรมที่ค้นพบ และ สืบต่อพลังงานอันยิ่งใหญ่อย่างเข้มข้นด้วยการเกิดสาวกของพระพุทธเจ้านั่นคือ พระสงฆ์ . . . เมื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเป็นหนึ่งนั่นคือ #พระรัตนตรัย จึงเกิดแรงสั่นสะเทือนที่มีพลังอำนาจสูงสุด ที่คอยหมุนเหวี่ยงให้เกิดวัฏจักร ยุคสมัยพุทธกาลของพระพุทธเจ้า #สมณโคดม มาจวบจนปัจจุบันนี้ นั่นเอง . . .
และทั้งหมดทั้งปวง คือเหตุผลในการเกิด และ การดับ ของทุกสรรพสิ่ง . . . ขอธรรมทานนี้จงนำทางให้เหล่าท่านที่ได้พิจารณาเกิดปัญญาในการนำพาตนให้ออกจากทุกข์ด้วยเหตุที่ว่า อำนาจแห่งพระรัตนตรัย ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด จึงควรน้อมเข้าสู่ตน และสิ้นสงสัยในธรรมทั้งปวงด้วยเทอญ . . . อิมัง สัจจะวาจัง อธิษฐามิ . . . _/\_

Comments