Lightworker
- Lucky Foryou
- May 27, 2019
- 2 min read
Updated: May 27, 2019

Lightworker คือใคร ?
คือกลุ่มจิตวิญญาณที่ลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ พวกเขามายังโลกนี้เพื่อสร้างการตื่นรู้ให้กับมนุษย์ที่ยังไม่รู้(หลับไหล,หลง) ในพรสวรรค์ที่ได้รับก่อนการมาเกิด เมื่อถึงวาระและช่วงเวลาที่เค้าเหล่านี้ต้องตื่นรู้ด้วยวิญญาณกายทิพย์ **
Lightworker หมายถึงอะไร?
ทฤษฎีค้นหาจิตเดิม. ฉัน คือ ใคร ? Lightworker คือผู้ทำงานแห่งแสงสว่าง ... แสงจากฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า นั้น คือ ตัวอย่างของ Lightworker พลังชีวิตแห่งจักรวาล. จิตวิญญาณสำหรับคนทั่วไป. Lightworker นั้น หมายถึง กลุ่มของจิตวิญญาณที่จะมาเกิดยังโลกมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อนำการตื่นรู้ ชี้แนะแนวทาง หรือสอนมวลมนุษย์เมื่อถึงเวลาและวาระ
เชื่อกันว่าในตอนนี้เองมีจิตวิญญาณของ Lightworker ลงมาเกิดมากมายยังโลกมนุษย์ ในช่วงที่นับได้ว่าเป็นจุดที่สำคัญ จุดหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ด้านจิตสำนึกของโลก . . . โลกจะก้าวเข้าสู่ความมืดมิด ไปไกลจนกู่ไม่กลับ หรือ จะพลิกผันขึ้นมาแบบยกระดับจิตวิญญาณเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ . . . ตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่แน่ แต่ที่แน่ๆ Lightworker น่าจะมาเกิดยังโลกนี้เยอะมากเลยทีเดียว !!
แล้ว Lightworker จะเป็นใครได้บ้างล่ะ ?
ผู้ที่เป็น Lightworker นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเกิดมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นนักการเมือง หรือคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรืออะไรๆ เทือกนั้น จริงๆแล้ว Lightworker นั้นเป็นได้ทั้งนักดนตรี ศิลปิน เจ้าของร้านชำ นักบัญชี เจ้าหน้าที่ธุรการ แม้ที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งคนไร้บ้านก็เป็น Lightworker ได้
มี Lightworker หลายคนที่เมื่อลงมาเกิดยังโลกนี้แล้ว กลับหลงลืมไปเลยว่าจริงๆ แล้วพวกเขาเป็นใคร และลืมไปเลยมามาที่นี้เพื่อทำอะไร ? แม้เราจะอาจแยกแยะว่าใครเป็น Lightworker ได้ง่ายๆ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขาเหล่านี้กลับมีลักษณะบางประการที่ทำให้พวกเขานั้นแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ
ตอนนี้เราต้องการ Lightworker จริงๆ หรือ ?
เราต้องการ Lightworker มากๆ เพราะปัจจุบัน โลกของเรานั้นสับสนวุ่นวาย จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เกิดความรุนแรง อาชญากรรม ความอดหยากหิวโหย ความมืดมิดกำลังจะครอบงำโลกและจิตใจมนุษย์ คนส่วนใหญ่กลายเป็นพวกวัตถุนิยม หิวกระหายในอำนาจ เงินทอง โลภโมโทสันเสียจนกลายเป็นการฆ่าตัวตาย มนุษย์จะทำลายเผ่าพันธุ์ตัวเองในไม่ช้า และจะทำลายดาวเคราะห์โลกลงไปด้วย
"แสงสว่าง" จึงเป็นความหวังเดียวที่มีของโลก เพราะเมื่อแสงสว่างมา ความมืดก็จะสลายไปเอง ความมืดเกิดได้ เพราะไร้แสงสว่างเท่านั้น ดังนั้น กลุ่มจิตวิญญาณเหล่านี้จึงลงมาจุติยังโลก เพื่อเป็นดั่งคบเพลิง เป็นเสมือนผู้นำแสงสว่าง มาสร้างความสมดุลให้กับโลกที่ดูจะมืดมิดลงทุกวัน
แล้วเราล่ะ ใช่ Lightworker กันหรือเปล่า?
ก่อนอื่น คุณรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้ อาจเป็นเพราะคุณนั่นแหละที่เป็น Lightworker เพราะคุณจะจำความรู้สึกของการเป็น Lightworker นี้ได้ ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ หลายคนเลยนะคะที่ต้องต่อสู้กับความไม่เข้าใจตัวเอง ความฉงนสงสัยเกี่ยวกับตัวเอง และวัตถุประสงค์ของการมีชีวิตอยู่ และเพื่อให้ Lightworker เหล่านี้เข้าใจมนุษย์อย่างถ่องแท้ เพื่อให้ช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาเหล่านั้น จะต้องมีประสบการณ์ชีวิตในแบบมนุษย์โลก เพื่อที่จะได้เข้าใจและเห็นอกเห็นใจมนุษย์ด้วยกันอย่างแท้จริง พวกเขาจะถูกล่อลวง จะถูกทดสอบ และจะถูกผลักเข้าสู่สถานการณ์ หรือด้านมืดของมนุษย์เสมอ
หลายคนอาจมีชีวิตที่เรียกได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรม หาความสุขกันไม่ได้เลยทีเดียว
หากคุณเป็น Lightworker คุณอาจรู้สึกว่า มันเป็นการยากเหลือเกินที่จะ “สว่างจ้า” ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ความหนักหน่วง และเต็มไปด้วยมลพิษทางพลังงาน (พลังงานด้านลบทั้งหลาย ทั้งจากคน จากสภาพแวดล้อม) คุณอาจรู้สึกราวกับว่า ตัวเองกำลังแบกรับมนุษย์ทั้งโลกเอาไว้ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดของทุกๆ คน ทุกๆ ชีวิตบนโลก
คุณอาจเกิดความฝันหรือมีลางบอกเหตุที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ อันตรายต่างๆ หรือแม้แต่มีประสบการณ์ใกล้ตาย หรือวิญญาณออกจากร่างด้วย
เป็นเรื่องปกตินะคะที่ว่า พวก Lightworker ที่ยังไม่รู้ตัวว่า ตัวเองเป็น Lightworker นั้น จะประสบกับความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจอะไรเลย เคว้งคว้าง หลงทาง และโดดเดี่ยว รวมถึงอาจโศกเศร้าและหดหู่เป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่า เขาเหล่านั้นยังไม่ได้ทำตามภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายมา (เรียกอีกอย่างว่า มีอธิวาสนาแล้วไม่นำมาใช้ก็ได้ค่ะ)
หลายคนต้องทนทรมานกับความหดหู่ ซึมเศร้าอย่างร้ายกาจ หรือรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่าสิ้นดี หรือหลายคนอาจเกิดอาการอารมณ์แปรปรวนหรือแม้กระทั่ง “โรคไซโคโซมาติค” ซึ่งเป็นโรคที่ป่วยทางกาย เพราะใจเราป่วย หรืออาจกลายเป็นพวกต่อต้านสังคมไปเลย ในกรณีที่เป็นหนักๆ เข้า อาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือติดยาเสพติดเลยก็ได้
อัตตาของเราอาจเป็นส่วนที่ปิดกั้นปิดบังเราเอาไว้ ทำให้เราละทิ้ง หรือเพิกเฉยเมินเฉยต่อหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับพรสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะมาช่วยเหลือและทำงานรับใช้มวลมนุษย์ ดังนั้นส่วนใหญ่แต่ละคนจะต้องข้ามผ่านช่วงที่เรียกว่า “Dark night of the Soul” หรือ “คืนอันมืดมิดของจิตวิญญาณ” กันทุกคน
และส่วนใหญ่ก็จะผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ และก่อให้เกิดพัฒนาการและความเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ แล้วพวกเขาก็จะได้พบความจริงที่ว่า พวกเขานั้นไม่ได้ถูกชีวิตทำร้าย หรือกลั่นแกล้งรังแก หรือเจอวิบากกรรมหนักหนาสาหัสอะไร แต่เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะต้องกลายเป็นผู้นำแสงสว่างมาสู่ผู้คนต่างหาก
แค่ Lightworker เพียง 1 คน ก็สามารถช่วยเหลือผู้คนให้ตื่นรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้มากมายนับร้อยนับพันคนแล้ว บรรดา Lightworker นั้นจะมีความสามารถที่เราเรียกได้ว่าเป็น “ความสามารถทางจิต” หรือ Psychic powers ในลักษณะต่างๆ เขาเหล่านี้จะมีความสามารถในการรับรู้ที่มากกว่าสัมผัสปกติ เช่น การมองเห็นหรือสื่อสารกับคนตาย หรือสิ่งที่อยู่ต่างมิติได้เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญคือ แม้ว่าการเป็น lightworker นั้นจะหมายถึง การมีความสามารถทางจิตเหล่านั้น แต่การเป็นคนที่มี “ความสามารถทางจิต” ที่พิเศษเหล่านั้น “ไม่เพียงพอ” เพราะ Lightworker มายังโลกนี้เพื่อสร้าง “การตื่นรู้” บนเส้นทางของจิตวิญญาณให้กับผู้คน ไม่เพียงแค่เป็นการบอกอนาคต หรือการใช้พลังจิตในด้านอื่นๆ ดังนั้น การเป็น Lightworker จึงเป็น “เสียงเพรียกแห่งจิตวิญญาณ” ไม่ใช่เป็นของที่นำมาโชว์ หรือมาแสดงเล่นๆ ค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง คนที่มี “ความสามารถทางจิต” เฉยๆ กับ Lightworker นั้นคือ พวกผู้ที่มีความสามารถทางจิตนั้นจะสามารถ "บอกอนาคต" ได้ แต่ Lightworker นั้นจะสามารถ “นำคุณสู่อนาคต” ของคุณได้
หากคุณรู้สึกว่า ตัวคุณนั้นหลงทาง แต่รู้ว่าลึกๆ แล้วคุณมาเกิดยังโลกนี้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง นั่นแหละ คุณกำลังประสบกับภาวะที่เรียกว่า การตื่นของจิตวิญญาณ Lightworker ตอนนี้ถึงเวลาแล้วล่ะที่คุณจะได้รู้ว่า
คุณไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งภารกิจเพียงลำพังเลยค่ะ
พวกเราล้วนแต่รู้ดีว่า โลกที่สวยงามของเรานั้นเหมือนถูกเสก ถูกสาปด้วยความกลัว ความละโมบ และความเกลียดชังมาเนิ่นนาน เราก่อความขัดแย้ง เป็นสาเหตุแห่งสภาวะอดอยาก ข้าวยากหมากแพง และนำความมืดมนมาสู่โลกของเราเอง โลกที่เคยสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่กำเนิด ความรู้สึกถึงโลกที่งดงามในอุดมคตินั้นหายไป ในช่วงเวลาแห่งการพัฒนา มนุษย์เรากลับเดินหลงทาง เพราะเราเริ่มจะคิดว่า เรา “เป็นเจ้าของ” โลกใบนี้ “ความกลัว” กลายเป็นเครื่องมือที่เราใช้ในการจัดการกับมนุษย์ด้วยกัน เราเริ่มเข้าควบคุม และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้บิดเบือนไป ความรักที่ไร้เงื่อนไขกลับถูกทดแทนด้วยกรงขังแห่งความกลัว จิตวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแสงสว่างกลับมืดมนลง ความละเอียดบางเบาถูกแทนที่ด้วยความเหนียวหนืดทางจิตวิญญาณ และวัตถุต่างๆ ตอนนี้เป็นช่วงที่เหล่าผู้นำสารยุคใหม่และปรากฏการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงความถี่กำลังเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน มันไม่ใช่ว่า เราจะตื่นมาในช่วงที่โลกทำลังจะถูกทำลาย แล้วเราก็พยายามแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่เราได้สร้างความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว แต่กลับเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้นต่างหาก
สมัยก่อน การเป็น Lightworker นั้นคือ ผู้ที่ถูกเลือกจากจิตวิญญาณเบื้องสูงเพื่อให้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และโลกผ่านการสวดภาวนา (Prayer) การบำบัดเยียวยา (healing) การทำสมาธิ (meditation) การทำงานด้านพลังงาน (energy work) และการทำงานด้านจิตวิญญาณอื่นๆ (spiritually related practices) แต่ที่จริงแล้วนั้น Lightworker จะมาเกิดและดำรงสถานะอยู่ในบทบาทชีวิตและภารกิจทางจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนเป็นนักบวช บางคนเป็นกวี ซึ่งแต่ละคนก็จะมีส่วนในการช่วยเหลือโลกของเราในด้านต่างๆ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่เพียงคนที่ออกมาประกาศปาวๆ หรอกนะว่า เป็นผู้ส่งสาร หรือมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยทุกคน เพราะ
Lightworker ตัวจริงนั้นอาจเป็นเพียงคนธรรมดาๆ ที่ไม่เคยมีใครสังเกต คนปกติอย่างเราๆ นี่แหละที่เดิน ทำงาน อาศัยอยู่บนโลก คนที่มีแสงสว่างมากมายเหลือเกินจนเราต้องปิดตาของเราไม่ให้มองเห็น หรือแม้กระทั่งหันหลังให้ และปล่อยให้พวกเขานั้นเดินอยู่อย่างไม่มีใครสังเกตเห็นบนโลกมนุษย์ จิตวิญญาณเหล่านี้เองที่มาจากภพภูมิที่สูงยิ่งและเลิกสนใจในความหนืดเหนียวของความปรารถนาในทรัพย์สิน ทรัพย์สมบัติ และเรื่องทางโลกมานานแล้ว
Lightworker มาจากภพภูมิที่สูงส่งจนเรายากที่จะเข้าถึงและเข้าใจ แต่ทำไมจิตวิญญาณเหล่านี้จึงลงมาเกิดยังโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดล่ะ
นั่นเป็นเพราะช่วงเวลาแห่งกลียุค ช่วงเวลาที่โลกและทุกๆ สิ่งกำลังจะถูกทำลาย จิตวิญญาณเหล่านี้ได้ยินเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือของเรา มันเป็นพันธกิจของท่านที่จะให้เรา “ยืม” แสงสว่างของท่าน เพื่อบรรเทาความมืดมิดจากกระแสความถี่ของความกลัว ความป่วยไข้ และพลังงานทางลบทั้งหลาย พวกท่านจึงมาที่นี่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
Lightworker มาเพื่อช่วยเหลือพวกเรา พวกท่านจะเป็นเสียงให้กับผู้ที่พูดหรือออกความเห็นไม่ได้ เป็นผู้ที่สร้างสรรค์ความงดงามให้กับโลกผ่านงานศิลปะ ท่านสร้างสรรค์ดนตรีที่สามารถทำให้ความถี่และจิตวิญญาณอันมืดมนของเรานั้นยกระดับสูงขึ้น งานของท่านนั้นเป็นงานที่เรามองไม่เห็น การให้ยืมพลังงานแห่งแสงสว่างนั้นคือ การยอมที่จะมาอยู่ มาเดินอยู่ท่ามกลางหมู่พวกเรานี่แหละ
Lightworker คือผู้ที่มาเยียวยาโลกใบนี้
พวกท่านล้วนนำเอาความสามารถที่ท่านมามาจากภพภูมิที่เป็นแหล่งกำเนิดของท่าน แต่ละท่านจะมาจากระดับความถี่ที่แตกต่างกัน มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน เมื่อท่านมายังโลก ท่านจะต้องทนกับความทุกข์ทรมาน การถูกเข้าใจผิด การถูกเยาะเย้ยถากถาง หรือบางทีก็ถูกตัดสินลงโทษ เหล่า Lightworker นั้นล้วนแต่เคยถูกชักนำเข้าสู่ความมืด โดนทดสอบในฐานะเป็น “ผู้ดำรงแสง” (light bearer) ของโลกนี้ ท่านต้องพยายามอย่างมากที่จะรักษาสายใยที่มีต่อเบื้องบน ขณะที่ยังคงต้องรักษาสถานภาพบนโลกมนุษย์ ด้วยความรู้สึกที่อ่อนไหวและไวมากเป็นพิเศษ มันทำให้ Lightworker บางครั้งรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างมากเมื่อต้องอยู่ในกายเนื้อที่อยู่บนโลก Lightworker หลายคนที่ยังไม่ตื่น หรือไม่รู้จักตัวเองนั้นจะรู้สึกหลงทางและโดดเดี่ยวแปลกแยก ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรู้สึกที่อยากจะกลับบ้าน แม้ว่าตัวเองจะมีบ้านในโลกปัจจุบันแล้วก็ตาม
ความรู้สึกโดดเดี่ยว กดดัน หดหู่ เศร้าสร้อยเหล่านี้ล้วนมีที่มา ไม่ใช่อาการทางจิตอย่างที่หลายๆ คนคิดกันค่ะ
Cr. ถอดความจากหนังสือ Lightworker: Understand Your Sacred Role as Healer, Guide, and Being of Light

**เหตุผลของการมาอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้**
"..ไม่ว่าประสบการณ์บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็จงอย่าดูหมิ่นดูแคลนตนเอง เพราะว่าเหตุผลที่แท้จริงสำหรับการมาเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็คือ การลงมาอยู่ในระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำๆนี้
ซึ่งสิ่งที่มีความสำคัญมากสูงสุด ก็คือการมาเรียนรู้จากมัน และมันก็ไม่ได้สำคัญตรงที่ว่า เมื่อพวกคุณทุกคนต้องมาเผชิญกับการเหนี่ยวรั้งของพลังงานด้านมืดแบบนี้แล้ว พวกคุณจะใช้วิธีการอะไรเพื่อเอาชนะมัน
เพราะว่าพวกคุณจะสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับมัน และเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เพื่อเอาชนะมันได้อย่างไร ถ้าพวกคุณไม่ลงมาอยู่กับมันแบบนี้ . . . และพวกคุณก็ไม่ได้ถูกตีตราว่าเป็นผู้ผิดบาป อย่างที่บางคนทำให้พวกคุณเชื่อเลย และการลงมาเกิดบนโลกใบนี้ ก็เพื่อที่จะมาใช้ชีวิต และเลือกที่จะมีประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ อันจะเป็นไปเพื่อพัฒนาความเข้าใจ และนำพวกคุณกลับคืนไปสู่แสงสว่างให้ได้"
SaLuSa
Comments